วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

นิทาน เสือดาวกับสุนัขจิ้งจอก

นิทาน เสือดาวกับสุนัขจิ้งจอก
นิทาน เสือดาวกับสุนัขจิ้งจอก
นิทาน เสือดาวกับสุนัขจิ้งจอก
เสือดาวอวดกับสัตว์อื่นๆ ว่า "ฉันว่าฉันเป็นสัตว์ที่สวยที่สุดนะ"
"ทำไมล่ะ" กระต่ายป่าถามอย่างอยากรู้
"ก็ฉันมีจุดดำๆ เเต้มอยู่ทั่วทั้งตัวเลยนี่นามนุษย์ยังเรียกฉันว่าเสือดาวเลยนะ"
เสือดาวคำรามก้องป่าอย่างภาคภูมิใจ
เเต่หมาจิ้งจอกเอ่ยขึ้นว่า
"นั่นเป็นความงามเเค่ภายนอกเท่านั้น มันไม่ใช่เรื่องที่ควรภูมิใจหรอก"

สรุป
ความงามที่เเท้จริงอยู่ที่จิตใจ คนจะงาม งามจิตใจ ใช่ใบหน้า คนจะสวย สวยจรรยา ใช่ตาหวาน



คำค้นหา :

นิทาน เสือดาวกับสุนัขจิ้งจอก

เสือดาว, สุนัขจิ้งจอก, นิทานเสือดาวกับสุนัขจิ้งจอก, นิทานเสือดาว

วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เรื่อง กระต่ายป่าและกบ

กระต่ายป่าและกบ

กระต่ายป่าและกบ
กระต่ายป่าและกบ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีกระต่ายป่ากลุ่มหนึ่งไม่พอใจในความเป็นอยู่ของตน จึงมีการประชุมขึ้น ตัวหนึ่งพูดขึ้นมาว่า " ที่เรา มีชีวิตอยู่อย่างนี้ก็ด้วยความเมตตาของมนุษย์ สุนัข นกอินทรี และสัตว์ชนิดต่างๆซึ่งล่าพวกเราเป็นเหยื่อ พวกเรามีแต่ความหวาดผวา และมักตกอยู่ในอันตรายอยู่เสมอๆจึงมีความเห็นว่า พวกเราควรตายให้รู้แล้วรู้รอดไปดีกว่าที่จะอยู่อย่างหวาดกลัวไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งเลว ร้ายไปกว่าการตายเสียอีก "

กระต่ายป่าตัวอื่นๆต่างพากันเห็นด้วย จึงตัดสินใจที่จะไปกระโดดน้ำตาย พวกมันจึงรีบไปยังแม่น้ำที่ใกล้ที่สุดเพื่อทำการอันน่า สยดสยอง แต่เมื่อไปถึงแม่น้ำ พวกมันก็ประหลาดใจที่พบว่าพวกกบก็มีความหวาดกลัวพวกมัน ถึงกับพากันกระโดดหนีลงน้ำ

เมื่อเป็นเช่นนี้ กระต่ายตัวที่ฉลาดที่สุด จึงรีบตะโกนบอกกระต่ายทั้งหลายว่า " รอก่อน พวกเราต้องมีความอดทนต่อไป ชีวิต ของพวกเราก็ไม่เลวเท่าที่คิดเอาไว้ ดูซิ ! กบเหล่านี้มีความกลัวเรา พอๆกับที่เรากลัวสัตว์อื่น "


คำค้นหา :

กระต่ายป่าและกบ

กระต่ายป่า,กบ,นิทานกบ,นิทานกระต่าย

วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

นิทานเรื่อง กระต่ายตื่นตูม

กระต่ายตื่นตูม

กระต่ายตื่นตูม
กระต่ายตื่นตูม
ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดพระเชตวันเมืองสาวัตถี ทรงปรารภเดียรถีย์ (นักบวชนอกศาสนา) ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นราชสีห์อาศัยอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง มีดงตาลกับต้นมะตูมอยู่ติดทะเลด้านทิศตะวันตกของป่านั้น ณ ที่ดงตาลนั้นมีกระต่ายตัวหนึ่งอาศัยอยู่ใต้ต้นตาลใกล้ต้นมะตูมต้นหนึ่ง วันหนึ่ง วันหนึ่งเจ้ากระต่ายออกเที่ยวหากินอิ่มแล้ว กลับมานอนพักผ่อนอยู่ใต้ใบตาลแห้ง กำลังนอนคิดเพลิน ๆ อยู่ว่า "ถ้าหากแผ่นดินนี้ถล่ม เราจะไปอยู่ที่ไหนหนอ" ทันใดนั้นเองผลมะตูมสุกลูกหนึ่งได้หล่นลงมาถูกใบตาลเสียงดังลั่นเจ้ากระต่ายนึกว่าเป็นเสียงแผ่นดินถล่ม จึงร้องขึ้นสุดเสียงว่า "แผ่นดินถล่มแล้ว ๆ " พร้อมกับกระโดวิ่งหนีไปสุดชีวิตโดยไม่เหลียวหลังมาดูเลย

กระต่ายตัวอื่น ๆ เห็นมันวิ่งหนีอะไรมาสุดชีวิตจึงร้องถามมันว่า "เจ้าวิ่งหนีอะไรมา" มันทั้งวิ่งทั้งร้องตอบว่า "รีบหนีเร็ว แผ่นดินถล่มแล้ว ๆ" กระต่ายจำนวนนับพันต่างก็รีบวิ่งหนีตายตามมันไปด้วย สัตว์ป่านานาชนิดเมื่อทราบข่าวต่างก็วิ่งหนีตามกระต่ายไป ฝูงสัตว์วิ่งหนีตามกันมาเป็นทิวแถว ราชสีห์เห็นสัตว์น้อยใหญ่วิ่งกันมาฝุ่นฟุ้งกระจุยจึงร้องถามไปว่า "พวกเจ้าวิ่งหนีอะไรมา" ได้รับคำตอบว่า "เจ้านาย แผ่นดินที่โน้นถล่มแล้ว พวกเราวิ่งหนีตาย" แล้วก็วิ่งไปต่อ บ่ายหน้าไปทางหน้าผาสูงชันโดยไม่รู้ตัว ราชสีห์ด้วยความกรุณาในสัตว์ทั้งหลายเกรงว่าจะตกเหวตายเสียหมด จึงวิ่งไปดักข้างหน้าพร้อมกับคำรามเสียงดังลั่นขึ้น ๓ ครั้ง สัตว์ทั้งหลายพอได้ยินเสียราชสีห์ก็พากันตกใจกลัวตื่นจากภวังค์หยุดวิ่ง

ราชสีห์จึงถามว่า "ใครเห็นแผ่นดินถล่มบ้าง" พวกสัตว์บอกว่า "ช้างเห็นขอรับ" ช้างบอกว่า "เสือเห็น" เสือบอกว่า "แรดเห็น" แรดบอกว่า "ควายเห็น" ควายบอกว่า "หมูป่าเห็น" หมูป่าบอกว่า "กวางเห็น" กวางบอกว่า "กระต่ายเห็น" พวกกระต่าย จึงชี้บอกว่า "กระต่ายตัวนี้เห็นแผ่นดินถล่มครับ..นาย" ราชสีห์จึงถามกระต่ายตัวนั้นว่าเป็นจริงหรือเปล่า กระต่ายตอว่า "ข้าพเจ้าเห็นจริง ๆ นายท่าน ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังนอนพักผ่อนอยู่ใต้ใบตาลก็มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น ข้าพเจ้าจึงวิ่งหนีตายมานี่ละ.. นายท่าน"

ราชสีห์เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงจึงบอกให้สัตว์ทั้งหลายรออยู่ที่ตรงนั้นส่วนตนและเจ้ากระต่ายได้เดินกลับไปดูสถานที่ต้นเหตุ ตรวจดูเห็นผมมะตูมสุกลูกหนึ่งวางอยู่ก็เข้าใจทันที จึงกลับมาบอกสัตว์ทั้งหลายว่า "ท่านทั้งหลายเลิกกลัวได้แล้ว เสียงแผ่นดินถล่ม เป็นเสียงผลมะตูมสุกหล่นกระทบใบตาลแห่งดอก เลิกกลัวได้แล้ว" สัตว์ทั้งหลายอาศัยราชสีห์จึงเอาชีวิตรอดมาได้ พระพุทธองค์จึงตรัสพระคาถาว่า

"พวกคนโง่เขลายังไม่ทันรู้เรื่องราวแจ่มแจ้ง ฟังคนอื่นโจษขาน ก็พากันตื่นตระหนก พวกเขาเชื่อคนง่าย ส่วนคนเหล่าใดเป็นนักปราชญ์ เพียบพร้อมด้วยศีลและปัญญา ยินดีในความสงบ และเว้นไกลจากการ ทำชั่ว คนเหล่านั้นหาเชื่อคนอื่นง่ายไม่"

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ก่อนแต่จะเชื่ออะไรใคร ควรพิจารณาตรวจสอบความเป็นจริงเสียก่อน เพื่อความถูกต้องจะไม่ได้เป็นอย่างกระต่ายตื่นตูม



คำค้นหา :

กระต่ายตื่นตูม

กระต่ายตื่นตูม, นิทาน กระต่ายตื่นตูม, นิทานกระต่าย

นิทานเรื่อง กระต่ายผู้สละชีวิต

กระต่ายผู้สละชีวิต

กระต่ายผู้สละชีวิต
กระต่ายผู้สละชีวิต
ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภการถวายบริขารทุกอย่างของพ่อค้าชาวเมืองคนหนึ่งได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นกระต่ายอาศัยอยู่ในป่าแห่งหนึ่งท่ามกลางหุบเขาและแม่น้ำล้อมรอบ มีสัตว์เป็นเพื่อนกันอัก ๓ ตัว คือ ลิง สุนัขจิ้งจอก และนาก สัตว์ทั้ง ๔ เป็นสัตว์มีศีลธรรม ทุกเย็นจะมาพบกันและฟังโอวาทของกระต่ายเสมอ

ต่อมาวันหนึ่ง กระต่ายมองดูจันทร์รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันอุโบสถ จึงให้โอวาท ว่า " วันพรุ่งนี้ พวกเราจงพากันรักษาศีล ให้ทานเถิด เพราะมีผลบุญกุศลมาก ฉะนั้นพวกท่านจงเตรียมอาหารไว้แบ่งปันคนขอทานเถิด" สัตว์ทั้ง ๓ รับคำแล้วกลับไปยังที่อยู่ของตน

ครั้นรุ่งขึ้นมีนายพรานคนหนึ่งตกเบ็ดได้ปลาตะเพียน ๗ ตัวฝังทรายกลบไว้แล้วก็ข้ามไปทางใต้น้ำต่อไป นากออกหาอาหารได้กลิ่นปลานั้นแล้วจึงร้องขึ้น ๓ ครั้ง รู้ว่าไม่มีเจ้าของแล้วจึงคาบเอาปลาทั้ง ๗ ตัวไปยังที่อยู่ของตน นอนรักษาศีลอยู่

ฝ่ายลิงเข้าไปในป่าได้มะม่วงมาแล้วก็กลับที่อยู่ตนนอนรักษาศีลอยู่ ส่วนเจ้ากระต่ายรักษาศีลอยู่ที่อยู่ของตนไม่ได้ออกไปหาอาหารมาไว้ให้ทาน คิดที่จะสละชีวิตให้ทานว่า " ถ้ามีคนมาขออาหาร งา และข้าวสารของเราก็ไม่มี ถ้าเช่นนั้นเราจะให้เนื้อของเราแก่เขาก็แล้วกัน" คิดแล้วก็นอนรักษาศีลอยู่

ด้วยอานุภาพแห่งศีลของกระต่ายเป็นเหตุให้บรรลังก์ของเท้าวสักกะเร่าร้อน ท้าวเธอจึงลงมาพิสูจน์คุณของศีลของสัตว์ทั้ง ๔ ด้วยการแปลงร่างเป็นพราหมณ์ไปยังที่อยู่ของนากก่อน ร้องขออาหารกับนาก นากจึงกล่าวว่า "พราหมณ์.. เรามีปลาตะเพียนอยู่ ๗ ตัว ขอเชิญท่านบริโภคเถิด" พราหมณ์รับไว้แล้วก็ไปที่อยู่ของสุนัขจิ้งจอก เอ่ยปากขออาหารอีก สุนัขจิ้งจอกก็มอบอาหารให้พร้อมกับพูดว่า "พราหมณ์.. ข้าพเจ้ามีเนื้อย่าง ๒ ไม้ เหี้ย ๑ ตัว นมส้ม ๑ หม้อ เชิญท่านบริโภคเถิด" พราหมณ์รับไว้แล้วก็ไปที่อยู่ของลิงเอ่ยปากขออาหารเช่นเคย ลิงก็มอบอาหารให้พร้อมกับพูดว่า "พราหมณ์.. มะม่วงสุก น้ำเย็น ร่มเงาไม่อันร่มรื่นขอเชิญท่านบริโภคและพักผ่อนก่อนเถิด"

พราหมณ์รับไว้แล้วก็ไปที่อยู่ของกระต่ายพร้อมร้องขอ อาหารเช่นเดิม กระต่ายดีใจจึงพูดว่า " พราหมณ์… ขอเชิญท่านก่อไฟเถิด เราไม่มีอะไรจะให้ท่าน นอกจากเนื้อของเรานี่แหละ ขอเชิญท่านบริโภคเราเถิด" ว่าแล้วก็กล่าวเป็นคาถาว่า

"กระต่ายไม่มีงา ไม่มีถั่ว ไม่มีข้าวสาร ท่านจงบริโภค เราผู้สุกด้วยไฟนี้ แล้วเจริญสมณธรรมอยู่ในป่าเถิด"

ท้าวสักกะจึงเนรมิตให้มีกองไฟขึ้นแล้วบอกให้กระต่ายทราบกระต่ายลุกขึ้นจากหญ้าแพรกสลัดขนไล่สัตว์อื่น ๆ ๓ ครั้ง มีความดีใจ ไม่กลัวต่อความตาย กระโดดเข้ากองไฟไป แต่ก็ต้องแปลกใจว่าไฟทำไมเย็นยิ่งนักจึงถามพราหมณ์ดู ท้าวสักกะในร่างพราหมณ์จึงกล่าวว่า "ท่านบัณฑิต เรามิใช่พราหมณ์ดอก เราเป็นท้าวสักกะ มาเพื่อทดลองศีลของท่านเท่านั้นเอง"

กระต่ายพูดว่า "ท่านท้าวสักกะ ท่านหวังจะทดลองข้าพเจ้าเท่านั้นเองหรือ แล้วชาวโลกจะรู้ว่าข้าพเจ้าปรารถนาให้ชีวิตเป็นทานได้อย่างไรกันเล่า" ท้าวสักกะตอบว่า "คุณความดีในการเสียสละชีวิตเป็นทานของท่านครั้งนี้จะมีปรากฏตลอดไป" ว่าแล้วก็เขียนรูปกระต่ายไว้บนดวงจันทร์เป็นสัญลักษณ์ให้ชาวโลกได้เห็นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แล้วก็หายวับกลับเทวโลกไป สัตว์ทั้ง ๔ ตัวได้รักษาศีลจนตราบสิ้นชีวิต

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
การรักษาศีลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตทั้งมนุษย์และสัตว์เดรัจฉาน
เพราะผู้มีศีลเทวดาย่อมคุ้มครอง



คำค้นหา :

กระต่ายผู้สละชีวิต

กระต่ายผู้สละชีวิต, นิทาน กระต่ายผู้สละชีวิต, นิทานกระต่าย

วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

นิทาน ช้างกับเสือ (นิทานของชาวไทลื้อ)

นิทาน ช้างกับเสือ

นิทาน ช้างกับเสือ
นิทาน ช้างกับเสือ
ครั้งหนึ่งมีพญาช้างและพญาเสือท้าแข่งฤทธิกัน โดยมีข้อสัญญากันว่าถ้าฝ่ายเสือชนะการแข่งขัน เสือ ก็จะพาบริวารมากินช้างเสีย และถ้าหากว่าช้างชนะก็จะเอาพวกบริวารมาแทงเสือให้ตายหมด เมื่อแข่ง กันแล้วปรากฏว่าช้างเป็นฝ่ายแพ้เสือ เสือจึงบอกให้ช้างอยู่กับที่เพื่อที่จะไปตามบริวารมากินช้าง

พอดีขณะนั้นมีพญากระต่ายมาพบช้างเข้าจึงได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ จากช้าง เกิดความสงสารช้าง เป็นอันมาก พญากระต่ายจึงบอกให้พญาช้างว่าตนเองจะช่วยให้พญาช้างรอดชีวิตจากการเป็นเหยื่ออาหาร ของพญาเสือและบริวาร พญากระต่ายจึงให้ช้างไปเอาไม้หนังก่อแดงมาให้ เมื่อพญาช้างเอาหนังไม้ก่อ แดงมาแล้ว พญากระต่ายจึงบอกให้พญาช้างหนีไปเสีย เมื่อช้างไปแล้วพญาเสือก็มาถึงและไม่เห็นพญาช้าง แต่เห็นพญากระต่าย ก็ถามพญากระต่ายว่าพญาช้างไปไหนเสีย พญากระต่ายก็บอกว่าตนเองได้กินพญาช้าง หมดแล้วแต่ยังไม่อิ่ม อยากกินเนื้อสัตว์อื่น ๆ อีก

พญาเสือได้ยินดังนั้นก็มีความตกใจมากจึงวิ่งหนีไปพร้อมทั้งบริวารคนละทิศละทาง พญากระต่ายนั้นก็ วิ่งไล่ตามไป จนกระทั่งจับได้พญาเสือซึ่งได้หนีมาถึงฝั่งน้ำแห่งหนึ่ง พญาเสือก็ร้องขอชีวิต พญากระต่าย จึงแกล้งบอกพญาเสือว่าตนเองนั้นมีเครื่องไทยทานที่จะนำไปฝั่งตรงกันข้าม ถ้าพญาเสือเอาไปได้ตนเอง ก็จะไว้ชีวิต พญาเสือก็รับคำ กระต่ายจึงเอาหญ้าคามาผูกหลังเสือ เสร็จแล้วก็เอาไฟจุด พญาเสือนั้นก็ ตกใจจึงกระโดดลงไปในแม่น้ำ พญากระต่ายเห็นดังนั้นจึงสั่งพญาสัตว์ป่าทั้งหลายลงไปช่วยเอาพญาเสือขึ้นมาจากแม่น้ำให้ได้ ถ้า ไม่ได้ก็จะฆ่าให้ตายทั้งหมด พญากบกับพญาเขียดจึงกระโดดงมลงไปช่วยก่อนแต่ก็ไม่สามารถช่วยได้ จึง ร้องขึ้นว่า อ็อบ ๆ แอ็บ ๆ ตั้งแต่นั้นมา พญากระต่ายก็สั่งพญาอึ่งอ่างลงไปช่วยอีก พญาอึ่งอ่างก็กระโดด ลงไปช่วยแต่ก็ไม่สามารถช่วยได้ จึงร้องว่า "เลิก็บ่ใช่ตื้น ๆ" ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ส่วนกวาง เมื่อ กระโดดลงไปช่วยเสือก็เกิดสำลักน้ำ จึงร้องขึ้นว่า "กั๊ด ๆ" ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ส่วนสุดท้ายนั้น พญากระต่ายก็สั่งให้พญาแมวลงไปอีก เมื่อพญาแมวก็โดดลงไปก็เกิดหนาวมากจึงร้องว่า "หนาว หนาว ๆ" ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

เสือกับช้าง มาพบกัน เสือพูดกับช้างว่าเจ้าก็ร้องเสียงดังมาก เรามาแข่งกันร้องส่งเสียงดังดู ถ้า หากชาวบ้านตัดสินว่าเสือร้องดังกว่า เสือก็จะกินช้างแต่หากช้างร้องดังกว่าช้างก็จะกินเสือ แล้วเสือจึง ให้ช้างร้องก่อน ช้างจึงบอกว่าเสือชนะช้าง ช้างจึงยอมเป็นอาหารของเสือ เสือจึงบอกว่าให้รออยู่ที่นั่น จะไปหาเพื่อนมาช่วยกิน เพราะว่ากินผู้เดียวไม่หมด

บังเอิญกระต่ายตัวหนึ่งมาพบช้าง จึงถามช้างว่า อยู่ที่นี่ทำไม ช้างบอกว่าเสือให้รอที่นี่เพราะร้อง เสียงดังสู้ไม่ได้ กระต่ายถามว่าช้างกลัวตายไหม ช้างตอบว่ากลัวตาย กระต่ายบอกว่าอย่างนั้นก็จะช่วย ไม่ให้ตาย กระต่ายให้ช้างไปขอข้าวที่ตำคลุกกับงาจากชาวบ้านมา เมื่อได้มาแล้วกระต่ายจึงวางแผนให้ ช้างทำเป็นนอนตายนิ่งเงียบ แล้วเอาข้าวคลุกงามาติดไว้ที่หัวช้างและตามตัว อีกไม่นานเสือก็มาก็เห็น กระต่ายกำลังกินข้าวคลุกงาอยู่ก็นึกว่ากระต่ายกำลังกินช้างจึงเกิดความกลัวจึงได้วิ่งหนี กระต่ายจึงให้ ช้างวิ่งไปในหมู่บ้าน ส่วนกระต่ายจึงวิ่งไปตามทางเล็ก ๆ เสือนึกได้และรู้ทันกระต่ายภายหลังก็โกรธ กระต่ายเป็นอันมาก

ส่วนกระต่ายนั้นก็ไปพบกองขี้ควาย จึงเอาหนามเสียบกับขี้ควายไว้แล้วนั่งเฝ้าอยู่ เสือก็ตามมาทัน จึงถามกระต่ายว่า เจ้าใช่ไหมที่เป็นตัวการที่ช่วยช้าง กระต่ายบอกว่าไม่ใช่มันหรอก เพราะมันกำลังนั่ง เฝ้าเก้าอี้วิเศษของปู่ตนอยู่ตั้งนานแล้ว เก้าอี้นี้ถ้านั่งแล้วจะเห็นอาหารทุกอย่างว่าอยู่ที่ไหน เสือก็จึงอยาก นั่ง จะนั่งบ้างจึงขอร้องกระต่าย กระต่ายว่าจะขอไปถามปู่ก่อน พอกระต่ายกลับมาก็พูดว่า ปู่บอกว่าถ้า เสือจะนั่งก็ให้กระแทกนั่งลงแรง ๆ แล้วกระต่ายก็วิ่งไปที่อื่น ไปพบกับต้นไม้ต้นหนึ่งซึ่งมีรังผึ้งอยู่ริมทาง ฝ่ายเสือจึงกระแทกนั่งนั่งลงอย่างแรงจึงถูกหนามเสียบก้น

เสือโกรธมากที่โดนกระต่ายหลอก จึงออกตามกระต่ายจนพบแล้วถามว่า กระต่ายใช่ไหมที่หลอกให้ นั่งเก้าอี้หนาม กระต่ายตอบว่าไม่ใช่ตนหรอก เพราะกระต่ายมิใช่มีตัวเดียว และว่าตนนั่งเฝ้าฆ้องวิเศษ ของปู่นานแล้ว ฆ้องนี้ถ้าผู้ใดตีแล้วก็จะเห็นอาหารทุกอย่าง เสือคิดนึกว่าเป็นฆ้องวิเศษจริง ก็ขอตีฆ้องนั้น กระต่ายก็ตกลงโดยบอกว่าให้ตีแรง ๆ แล้วมันก็วิ่งหนีเข้าป่าไป เสือจึงตีรังผึ้งนั้นเต็มแรง ผึ้งจึงต่อยเอา จนบวมไปทั้งตัว เสือจึงรู้ว่าเสียรู้กระต่ายอีกจึงโกรธมากและตามกระต่ายไปอีก

เสือไปพบกระต่ายที่บ่อน้ำแห้ง เห็นกระต่ายลงไปนั่งอยู่ในบ่อเสือก็ถามว่ากระต่ายใช่ไหมที่โกหกมัน ถึง ๒ ครั้งแล้ว กระต่ายบอกว่าไม่ใช่ เพราะกระต่ายไม่ใช่มีตนเพียงตัวเดียวในป่านั้น แล้วก็บอกเสือว่า ฟ้าจะถล่มทับหัวเสือ ถ้าหากเสือไม่ลงมาในบ่อ เสือจึงมองดูฟ้าเห็นเมฆดำลอยจึงกลัวก็กระโดดลงบ่อน้ำ แห้งนั้น กระต่ายจึงกระโดดขึ้นหลังเสือแล้วกระโดดออกจากบ่อ แล้วไปบอกชาวบ้านให้มาฆ่าเสือ


คำค้นหา :

นิทาน ช้างกับเสือ

ช้าง,เสือ,กระต่าย,นิทาน ช้างกับเสือ

ข้อคิด นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า

ข้อคิด นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า

ข้อคิด นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า
ข้อคิด นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว กระต่ายได้ท้าเต่าวิ่งแข่งกัน เต่าขาสั้นเดินช้า ส่วนกระต่ายขายาววิ่งเร็ว พอออกจากเส้นชัย กระต่ายก็ได้วิ่งนำเต่าไปไกลลิบ กระต่ายจึงขอหลับก่อนสักงีบแล้วค่อยวิ่งต่อ คิดว่าถึงอย่างไรเต่าก็ตามไม่ทัน แต่บังเอิญลมพัดเย็นสบาย กระต่ายจึงหลับจนลืมตื่น ส่วนเต่าถึงแม้รู้ตัวว่าขาสั้นก็พยายามคลานจนถึงเส้นชัย พอกระต่ายรู้สึกตัวขึ้นมาก็วิ่งไม่ทันเต่าเสียแล้ว กระต่ายจึงแพ้เต่า ข้อคิด “ผู้ที่ไม่มีความสามารถพิเศษ ถ้ามีความพยายามก็สามารถชนะผู้ที่มีความสามารถพิเศษได้” ต่อมากระต่ายท้าแข่งขันกับเต่าอีกครั้ง กระต่ายรู้ดีว่าตนเองมีฝีเท้าเร็วเหนือกว่าเต่ามาก พอออกจากเส้นชัยกระต่ายก็รีบวิ่งจนถึงเส้นชัย ครั้งนี้กระต่ายจึงชนะเต่า ข้อคิด “ ผู้ที่มีความสามารถพิเศษ เมื่อกระทำการใดโดยไม่ประมาท ย่อมประสบความสำเร็จ ดีกว่าผู้ที่ไม่มีความสามารถพิเศษ” อยู่มาวันหนึ่งเต่าขอแข่งขันกับกระต่ายบ้าง โดยออกจากเส้นชัยพร้อมกัน แต่พอถึงกลางทางกลับมีแม่น้ำขวางกั้น เต่าสามารถว่ายน้ำจนถึงเส้นชัย ส่วนกระต่ายว่ายน้ำไม่ได้จึงแพ้เต่า ข้อคิด “ ผู้ที่มีความสามารถสูงแต่ถ้าไม่มีความสามารถพิเศษย่อมแพ้ผู้ที่มีความสามารถพิเศษ” กระต่ายไม่ยอมแพ้เต่าจึงขอแข่งขันโดยใช้เส้นทางเดิมกับเต่าอีกครั้ง เต่าไม่ปฏิเสธ เมื่อกระต่ายวิ่งล้ำหน้าเต่าไปถึงริมแม่น้ำ จึงรอเต่าจนเต่าคลานมาทัน เมื่อเต่าคลานมาถึง กระต่ายจึงขอขี่หลังเต่าข้ามแม่น้ำไปด้วย เต่ายินดีให้กระต่ายขี่หลังไป ในที่สุดก็ถึงเส้นชัยพร้อมกัน ข้อคิด “ ความรัก ความสามัคคีนำมาซึ่งความสุขและความสำเร็จ”


คำค้นหา :

ข้อคิด นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า

ข้อคิด นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า, กระต่ายกับเต่า, ข้อคิดกระต่ายกับเต่า

กระต่ายกับเต่า ไฮเทค MSN

กระต่ายกับเต่า MSN

กระต่ายกับเต่า MSN
กระต่ายกับเต่า MSN
ณ หมู่บ้านแหล่งหนึ่งมีเต่ากับกระต่ายเป็นเพื่อนกัน วันหนึ่งเจ้ากระต่ายได้ทัก MSN เจ้าเต่าว่า (เจ้าเต่า(ตุ่น)นอกจากทำตัวช้าแล้วเน๊ตก็ยังช้าอีก) เจ้าเต่าเกิดโมโหจึงท้ากระจ่ายว่าเจ้ากล้าวิ่งแข่งกับข้ามั๊ยล่ะ เจ้ากระต่ายได้ยินดังนั้นจึงรีบรับคำท้าทันที ณ สนามแข่งต่างก็มีสัตว์มากมายมาส่งเสียงเชียร์ แต่เสียงเชียร์ทั้งหมดเหมือนกับว่าจะเชียร์แต่กระต่าย เมื่อถึงตอนวิ่งแข่งเจ้ากระต่ายได้วิ่งนำไปก่อน เมื่อหันหลังไปไม่เจอเต่า กระต่ายจึงแวะกินแครอทที่ไร่ และ เผลอหลับไป ทันใดนั้นเต่าก็ตามมาจนทัน เมื่อกระต่ายตื่นมาก็พบว่า เต่านั้นเดินใกล้จะถึงเส้นชัยแล้ว ก็รีบวิ่งตามไป แต่ไม่ทันซะแล้ว เต่านั้นได้วิ่งถึงเส้นชัยเรียบร้อยแล้ว


คำค้นหา :

กระต่ายกับเต่า MSN

กระต่ายกับเต่า MSN, กระต่ายกับเต่า IT, กระต่ายกับเต่า ไฮเทค

นิทานเรื่อง กระต่ายกับเต่า

กระต่ายกับเต่า

กระต่ายกับเต่า
กระต่ายกับเต่า
มีอยู่ในวันหนึ่ง ได้มีเต่าตัวหนึ่งคลานต้วมเตี้ยม ๆ มาตามวิสัยของมัน และที่ตรงอีกทางด้านหนึ่งก็ได้มีกระต่ายตัวหนึ่งวิ่งผ่านมา ทางนั้นเข้าอย่างบังเอิญด้วยความรวดเร็ว "ฮิฮิ! นี่เจ้าเต่า นายชอบ ที่จะเดินต่วมเตี้ยม ๆ อยู่อย่างนี้เสมอ ๆ ทำไมนายถึงได้เดินได้ช้าอย่างนั้นเล่า? " เต่าจึงได้พูดว่า " ถึงแม้ว่าข้าจะเดินได้ช้า แต่ถ้าพูดถึงเรื่องของความอดทนแล้วข้าไม่เคยแพ้ใคร "" นายลองมาแข่งขันวิ่งไปที่บนยอดเขานั่นกับข้าดูเอาไหมล่ะ ? " กระต่ายเมื่อได้ยินอย่างนั้น ก็หัวเราะลั่นอย่างดัง "ฮ่ะ ฮ้า น่าสนใจมาก เลยทีเดียว แต่รับรองได้ว่าไม่มีทางที่เจ้าจะ เอาชนะข้าไปได้หรอก มันเปรียบเทียบกันไม่ได้..ว่างั้น" กระต่ายเที่ยวไปเรียกพวกพ้องให้มาชุมนุมกันอย่างทันท่วงที และรวมทั้งให้เป็นกรรมการใน การแข่งขันอีกด้วย " ทุก ๆ คนมาดูเป็นสักขีพยานว่าใครจะเป็นผู้ชนะ ในการแข่งขันวิ่งเร็ว ระหว่างเต่าโง่กับตัวข้า..ฮ่ะฮ่ะ "" เตรียมพร้อม !,ไป " พอสิ้นเสียงบอกสัญญาณเริ่มการแข่งขันโดยสุนัขจิ้งจอก แล้วทั้งเต่าและกระต่ายก็เริ่มออกวิ่งไปพร้อม ๆ กัน " ปิย้อง ปิย้อง " กระต่าย กระโดดออกวิ่งนำหน้าไปด้วยความเร็วสูง เผลอแผลบเดียวมันก็วิ่งมาจนถึงที่ตรงจุดกึ่งกลาง ของทางระหว่างภูเขา มันจึงได้หยุดวิ่ง " เจ้าเต่ามันมาถึงไหนแล้วล่ะ ? " พูดแล้วมันก็ได้หันไปดู และก็ได้เห็นว่าเต่านั้นยังคงคลานตามมาอย่างช้า ๆ มองเห็นไกล ๆ พวกผู้ชมที่มาชุมนุมกันต่างก็หัวเราะและได้พูดว่า " ท่านเต่า..ท่านเต่า ท่านนี่ ช่างเป็นผู้ที่เดินได้ช้ามาก อาจที่จะพูดได้ว่าเดินได้ช้าที่สุดในโลกเลยก็ได้..ฮ่ะฮ่ะ " แม้ว่าจะได้ยินแบบนั้นแต่เต่าก็ไม่สนใจอะไรยังคงคลานของมันต่อไปด้วยความเงียบสงบอย่าง ตั้งใจเพื่อที่จะให้ไปถึงที่บนยอดเขาโดยไม่คิดที่จะหยุดพักผ่อน ข้างฝ่ายกระต่ายเมื่อรอเท่าไหร่ ๆ ก็ไม่เห็นมีทีท่าว่าเจ้าเต่าจะตามมาทันมันสักที...มันจึงเริ่ม นึกเบื่อกับการรอคอย " เจ้าเต่ามันยังคงคลานอยู่อีกตั้งไกล นอนรอซักงีบหนึ่งคงได้.. ถึงยังไงมันก็ไม่มีทางที่ตามมาทันได้หรอก" มันพูดแล้วก็ล้มตัวลงนอน แล้วหลับไปตรง ที่กลางทางตรงภูเขานั่นเอง ในขณะที่กระต่ายกำลังหลับอยู่อย่างสนิท เต่าซึ่งได้เดินมาอย่างไม่คิดที่ จะหยุดพักผ่อนนั้น " ถึงแม้ว่าขาของข้าจะสั้นเดินได้ช้าก็จริงแต่เรื่องของ ความอดทนแล้วข้าไม่เคยยอมแพ้ให้ใคร ข้าจะต้องทำดีที่สุดเท่าที่ข้าจะทำได้!" หลังจากที่ในขณะที่เต่าได้เดิน มาจนถึงที่ตรงจุดกึ่งกลางของภูเขา พลันมันก็ได้ ยินเสียงหนึ่งซึ่งเป็นเหมือนกับเสียงกรนจากในที่แห่งหนึ่ง " เสียงกรนที่ไหนนี่... อะฮ้า เจ้ากระต่ายนี่ มันมาแอบนอนหลับอยู่ที่นี่เอง"ที่ใกล้ ๆ ตรงนั้นกระต่ายกำลังนอนหลับอยู่อย่างสุขสบาย ส่วนเต่านั้น ยังคงที่จะ เดินต่อไป...ทีละก้าว..ทีละก้าวอย่างจริงจังและอดทน และแล้วหลังจากนั้นชั่ว ขณะหนึ่งกระต่ายก็เริ่มรู้สึกตัวและสะดุ้งตื่นขึ้นมา " เฮ้..นี่เจ้าเต่า มันคลานมาจนถึงที่ไหนแล้วนี่?? " มันรีบกวาดสายตามองหา แต่ก็ช้าและสายไปเสียแล้ว เพราะเมื่อมันมองไปที่ตรงจุดเส้นชัยที่อยู่บนยอดเขาโน่น มันก็ได้เห็นว่าเจ้าเต่ากำลังแสดง ความยินดีที่ได้รับชัยชนะอยู่อย่างมีความสุข..อยู่ในขณะนั้นเสียแล้ว


คำค้นหา :

กระต่ายกับเต่า

กระต่ายกับเต่า, นิทานกระต่าย, นิทานกระต่ายกับเต่า